วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คำให้การสหายพระเยซู Christopher Moore : หรือเรื่องจริงไม่ใช่แค่นิยาย

คำให้การสหายพระเยซู Christopher Moore
Story : R.ANCHALEE



คุณคิดอย่างไรหากเรื่องราวในนิยาย "คำให้การสหายของพระเยซู" นั้นมีส่วนที่เป็นเรื่องจริง?
เรื่องราวช่วงพระชีนม์ชีพที่ขาดหายไปของพระองค์ กับคำถามที่ทุกคนสงสัย "พระเยซูทำอะไร อยู่ที่ไหน? ในช่วงอายุ 12 จนถึงตอนรับพิธีบัพติสมาในน้ำที่แม่น้ำจอร์แดนที่ไม่ได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ 

เรื่องนี้มีคนยืนยันว่า เขารู้แล้วว่า ช่วงชีวิตที่หายไปของพระเยซูนั้นพระองค์อยู่ที่ไหน? เขาผู้นั้นก็คือ
นาย โนโตวิช (NICHOLAS NOTOVITCH) ชาวรัสเซีย ผู้เป็นนักหนังสือพิมพ์ และนักเขียนสารคดีการเมือง หนังสือที่เกี่ยวกับการเมืองรัสเซียของเขาทำให้เขามีชื่อเสียงไปทั่วยุโรป ปี 1877 
เขาเดินทางไปยังอัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอินเดีย เพื่อศึกษาชีวิตและความเชื่อของผู้คนในดินแดนนั้น ที่ ลาดัค (LADAKH) ดินแดนที่ขนาบข้างด้วยกัษมิระและทิเบต 

เขาตกจากหลังม้าบาดเจ็บ และได้การดูแลรักษาจากพระลามะรูปหนึ่งที่อารามเฮมิสกุมพา อันเป็นวัดใหญ่ที่สุดของลาดัค ... โนโตวิชพักอยู่ที่วัดเฮมิสจนคุ้นเคยกับพระลามะรูปนั้น ถึงขนาดที่ท่านเอาม้วนคัมภีร์โบราณที่เขียนเป็นภาษาทิเบตโดยนัก  ประวัติศาสตร์พุทธศาสนามาให้โนโตวิชดู ซึ่งโนโตวิชก็สนใจมากและได้คัดลอกบางส่วนที่สำคัญตามที่ล่ามแปล ให้ฟังไว้ คัมภีร์นั้นเล่าถึงเรื่องราวของบุคคลที่ชื่อ อิสซา (ISSA) ตั้งแต่เกิดจนตาย 

แล้วมาเกี่ยวกับพระเยซูอย่างไรหรือ 


ก็อิสซานั้นเป็นชื่อเรียกพระเยซูในภาษาอิสลาม เชื่อว่ามาจากรากศัพท์ภาษาฮีบรูหรืออราเมอิคว่า YESHUA (คำว่า JESUS นั้นเป็นคำในภาษากรีกและลาตินที่ใช้ถ่ายทอดพระคัมภีร์ หาใช่คำในภาษาฮีบรูดั้งเดิมไม่) ตามคัมภีร์ดังกล่าว อิสซา หรือที่เชื่อว่าคือพระเยซูได้เดินทางมายังอินเดียตั้งแต่อายุประมาณ 13 ปี โดยผ่านมาทางอิหร่าน อัฟกานิสถาน และปากีสถานปัจจุบัน(เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยโบราณของชมพูทวีป นั่นคือเมืองตักกสิลา ราชธานีของแคว้นคันธาระ 


ปัจจุบันอยู่ในประเทศปากีสถาน วรรณะพราหมณ์และกษัตริย์จะเดินทางมาไกลเพื่อมาร่ำเรียนศิลปวิทยาที่นี่ และศาสตร์18ประการ ก็มาเรียนที่นี่ครับ) พระเยซูได้ร่ำเรียนพระเวท และปรัชญาต่างๆอยู่ที่นั่นจนอายุ 29 ปี จึงเดินทางกลับจูเดีย 

เรื่อง ราวนี้จึงเท่ากับเป็นคำตอบอย่างดีว่า ใน “ช่วงชีวิตที่หายไป” ของพระเยซูนั้น พระองค์หายไปไหน
(บทความจาก หนังสือ ต่วยตูนพิเศษ ฉบับเดือนตุลาคม 2547)

ความคิดของนายโนโตวิชนี้คลับคล้ายคลับคลากับแก่นนิยาย คำให้การสหายพระเยซู ของนายคริสโตเฟอร์อย่างกับฝาแฝด ดูท่าจินตนาการของ คริสโตเฟอร์ มัวร์ ผู้เขียน จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเสียแล้ว หากพิสูจน์ได้ว่าช่วงช่วงชีวิตที่หายไปของพระเยซูนั้นมีมูลความจริง

คริสโตเฟอร์ มัวร์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาได้แรงบันดาลใจการเขียนนิยาย คำให้การสหายพระเยซู มาจากฉากหนึ่งใน มาสเตอร์กับมาร์การิตา ของ บูลกาคอฟ ฉากไต่สวนพระเยซูจากมุมมองของ พอนติอุส ไพเลตเวลานั้นเขาเป็นไมเกรนอยู่ ไม่กี่เดือนต่อมา เขาก็ได้ดูรายการพิเศษชื่อ "จากเยซูสู่พระคริสต์" จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่าจะบอกเล่า"ช่วงปีที่หายไป" ในชีวิตของพระคริสต์ จากมุมมองของสหายสนิทที่ไม่มีใครทราบชื่อ


คำให้การสหายพระเยซู เป็นนิยายที่เล่าเรื่องถึงสหายสนิทของพระเยซูคนหนึ่ง ที่ชื่อ บิฟฟ์ เขาถูกเทวทูตราซีลปลุกชีพ ขึ้นมาเขียน พระคัมภีร์เบิกโลก 2 เพื่อเล่าเรื่องราวที่ขาดหายไปของพระเยซู เรื่องราวสุดพิลึกพิลั่น เกินกว่าใครจะคาดคิด เรื่องราวของการเดินทาง เวทมนต์ ปาฏิหาริย์ กังฟู ปิศาจร้าย และสาวสวยร้อนแรงเกินห้ามใจ

การที่ คริสโตเฟอร์ มัว สามารถแทรกเกร็ดพิลึกพิลั่นปั้นแต่งเรื่องราวเข้าไปในพระภัมร์ได้เกือบทั้งเล่ม เริ่มตั้งแต่ตอนที่พระเยซูทรงประสูติ จนกระทั่งออกประกาศข่าวประเสริฐ และการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และแน่นอนช่วงพระชนม์ชีพเร้นลับของพระเยซูเจ้า คือ ตั้งแต่อายุ 12 จนถึงตอนรับพิธีบัพติสมาในน้ำที่แม่น้ำจอร์แดนที่ไม่ได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ ซึ่งได้กลายมาเป็นแก่นสำคัญของนิยายเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาจะต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิลดีทีเดียว 

อย่างตอนที่ พระเยซูทรงขับไล่ผีร้ายออกจากชายผู้หนึ่ง ให้ออกไปสิงที่ฝูงหมู และทรงสั่งให้ฝูงหมูวิ่งกระโดดลงหน้าผาตกลงไปตายในทะเล เมื่อผีร้ายออกจากชายผู้นั้นแล้ว เขาก็รีบเข้าเมืองไปป่าวประกาศถึงความอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงกระทำแก่เขา นี่คือข้อเท็จจริงตามพระคัมภีร์ แต่ คริสโตเฟอร์ มัว เอามาดัดปั้นเป็นว่า ฝูงชนต่างโกรธแค้นที่ฝูงหมูของพวกเขาตายเกลี้ยง ต่างถือคราด ส้อมตักหญ้า และเคียวดายหญ้า ฮือกันเข้ามาจะรุมทำร้ายพระเยซู จนพระองค์ต้องรีบหนีไป เมื่อได้อ่านเนื้อเรื่องทำนองนี้ผู้ที่ศึกษาพระคัมภีร์มาเป็นอย่างดีคงจะกระพริบตาปริบๆ 

ความขำมันอยู่ตรงนี้เอง ยิ่งคนที่รู้พระคัมภีร์มากก็จะยิ่งเข้าใจ "มุก" ที่ผู้เขียน "ตั้งใจ" สอดแทรกลงไปมากเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามการล้อเล่นกับความศรัทธาของคริสตชน ก็ย่อมหมิ่นเหม่ต่อการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง และอาจสร้างความไม่พอใจได้ ก็ใช่ว่าทุกคนจะใจกว้างเสียเมื่อไหร่ แต่ท้ายสุดแล้วก็จะเข้าใจเจตนาของเขาได้ว่า เขาไม่ได้คิดหยามหมิ่นองค์พระคริสต์แต่อย่างใด เป็นแต่เพียงจินตนาการที่จงใจสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น และเชื่อว่าคนที่รักและศรัทธาในองค์ผู้เป็นพระเจ้าอย่างแท้จริงก็คงไม่เก็บเอามาใส่ใจ

คำให้การสหายพระเยซู เป็นนิยายที่อ่านสนุก ส่งเสริมจินตนาการเข้าขั้นบรรเจิด ขำได้เกือบทุกหน้า คุณนพดล เวชสวัสดิ์ แปลได้เซี้ยวเปรี้ยวเข็ดฟันกว่าเล่มไหนๆ





ชื่อหนังสือ : คำให้การสหายพระเยซู
ชื่อผู้เขียน : Christopher More
ชื่อผู้แปล   : นพดล เวชสวัสดิ์
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์ เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง
เดือนที่พิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2555


อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ “ช่วงชีวิตที่หายไป” ของพระเยซู เต็มๆ ได้ที่นี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น