Story:R.ANCHALEE
"วรรณศิลป์สุดคลาสสิคหนึ่งใน 5 เล่มของชุด "คุณค่าชีวิต" ที่เล่าเรื่องราวผ่านกาลเวลา ด้วยมุมมองทางธรรมให้เห็นแก่นแท้ของชีวิต ให้เข้าใจความหมายของชีวิตอย่างแท้จริง …คนดีหรืออะไรที่ดีนั้น
ไม่ได้วัดแค่เฉพาะเราเท่านั้นพอ แท้จริงแล้วต้องดีพอสำหรับทุกสิ่ง ทุกคน จึงจะเรียกว่าดีจริง คมทวน คันธนู เขียนคำนิยม"
คำนำสำนักพิมพ์
จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็เท่ากันชีวิต ประโยคนี้เป็นจริงตามที่คุณศิริพงษ์ว่าไว้ทุกประการ ชีวิตนี้ไม่รู้ว่าอนาคตจะมีอีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี เพราะฉะนั้นอยากทำอะไรก็ควรรีบทำ และทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้หากเหนื่อยนักก็หยุดพักอยู่กับที่ แล้วแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า ดูคลื่นเมฆ และแสงดาวบ้าง พอให้คลายความล้า แต่เมื่อใดที่ความท้อแท้มันเกาะกินหัวใจคุณขึ้นมา ขอให้ความเข้มแข็งเฮือกสุดท้าย ช่วยพยุงคุณหยุดอยู่ตรงนี้ให้ได้นะคะ เพราะหากคุณไม่อยากหยุดความท้อแท้ และหลับหูหลับตาก้าวถอยไปข้างหลังจะเท่ากับว่ารอยเท้าทุกรอยที่คุณได้ก้าวผ่านพ้นมาแล้วจะไม่มีความหมายใดๆ อีกเลย
อย่าอายเลยที่วันนี้คุณอาจพายแพ้ ล้มเหลว อ่อนแรง มันเป็นเรื่องธรรรมดาที่ชีวิตอาจไม่สมบูรณ์แบบ เหมือนที่เคยได้ตั้งใจไว้ ใครที่คุณมองเขาอย่างชื่นชม เมื่อในวันวานพวกเขาเหล่านั้นก็เคยหกล้มเช่นคุณเหมือนกัน บางคนทำเรื่องน่าเศร้าโดยการนำความผิดหวังของตัวเอง ไปริษยาผู้อื่น หรือคนที่ได้ดีกว่า อย่าหลงกลความคิดติดลบของตัวเองเลยนะคะ เพราะมันจะผลักรังสีความชั่วร้ายออกมาจนคุณเองก็ไม่อาจควบคุมไหว
เรามาเริ่มกันใหม่กับชีวิต คิดมองในมุมอื่น มองแบบเข้าข้างตัวเองดูบ้างว่าบทเรียนจากความผิดหวังของคุณนั้น จะหลายเป็นพลังงานให้ผู้อื่นเกิดความเชื่อมั่นต่อไป
มนุษย์เราจะมีค่ามากหรือน้อย ส่วนหนึ่งเขาวัดกันตรงนี้ ใครที่เคยคิดว่าเราไม่ดีพอสำหรับเขาหรือใคร ให้คุณคิดกลับไปว่าดีแล้ว เพราะเขาก็ไม่ควรมีความหมายใดๆ กับเราอีกเลยเช่นกัน
ดีให้พอกับทุกสิ่ง
อรพรรณ เพ็งฉุย
สำนักพิมพ์ ร.ศ.๒๒๙
ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจต่อคำนำในหนังสือ ดีพอต่อทุกสิ่ง เป็นอย่างมากและเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้กลับบ้าน คุณอรพรรณ เพ็งฉุย เขียนกล่าวนำได้ดีเหลือเกิน ใช้คำพูดแสนเรียบง่าย ทว่าหนุนใจได้ดีนัก
ในช่วงเวลานั้นข้าพเจ้ารู็้สึกต้องการกำลังใจ ชีวิตที่วุ่นวายในกรุงเทพมหานครทำให้สับสน ข้าพเจ้าโหยหาวิถึชีวิตต่างจังหวัด โหยหาความสุขแบบอิ่มใจ ไม่ใช่ความสุขแบบแห้งแล้งฉาบฉวยอย่างที่พบในกรุงเทพมหานคร
ขณะที่ข้าพเจ้าอ่านหนังสือ ดีพอต่อทุกสิ่ง ข้าพเจ้ารู้สึกสงบใจยิ่ง ด้วยว่าผู้เขียนได้บรรยายถึงหนหลังเกี่ยวกับความทรงจำในวัยเด็ก บรรยายถึงวิถีชีวิตผู้คนที่พึ่งพาธรรมชาติ เอื้ออาทรต่อทุกสิ่งรอบกาย ไม่แก่งแย่ง ไม่แข่งขันกันเช่นทุกวันนี้ ข้าพเจ้าได้กลิ่นอายของธรรมชาติลอยมาแตะจมูก กลิ่นของดิน กลิ่นของบ้านไม้เก่า กลิ่นคอกหมู ได้ยินเสียงนกร้อง และเสียงน้ำไหล ใจเกิดความร่มเย็น
ผู้เขียนได้บรรยายภาพภายในบ้านที่เงียบสงบ และละแวกบ้านที่เต็มไปด้วยธรรมชาติสุดสมบูรณ์ มีภาพวิถีชีวิตของศิริพงษ์ จันทร์หอม ครอบครัว และเพื่อนบ้าน เขาและครอบครัวสอยความสุขได้จากทุกสิ่งรอบกาย แม้จะไม่ร่ำรวยวัตถุ หากแต่ร่ำรวยและอุดมไปด้วยสินทรัพย์จากธรรมชาติ คนเราจะต้องการอะไร แค่มีปัจจัยสี่ก็เพียงพอต่อการดำรงชีวิตแล้ว แค่มีที่อยู่ที่พักอาศัย อาหารประทังหิว ยารักษาโรคเวลาเจ็บไข้ มีเสื้อผ้าสวมใส่ให้คลายหนาว การที่เราไม่ทะยานอยากใช่ว่าเราจะดีไม่พอสำหรับทุกสิ่ง แต่สำคัญอยู่ที่ว่าเราเป็นผู้เลือกได้ต่างหากว่าสิ่งใดที่ดีพอสำหรับเรา
ผู้เขียนได้บรรยายภาพภายในบ้านที่เงียบสงบ และละแวกบ้านที่เต็มไปด้วยธรรมชาติสุดสมบูรณ์ มีภาพวิถีชีวิตของศิริพงษ์ จันทร์หอม ครอบครัว และเพื่อนบ้าน เขาและครอบครัวสอยความสุขได้จากทุกสิ่งรอบกาย แม้จะไม่ร่ำรวยวัตถุ หากแต่ร่ำรวยและอุดมไปด้วยสินทรัพย์จากธรรมชาติ คนเราจะต้องการอะไร แค่มีปัจจัยสี่ก็เพียงพอต่อการดำรงชีวิตแล้ว แค่มีที่อยู่ที่พักอาศัย อาหารประทังหิว ยารักษาโรคเวลาเจ็บไข้ มีเสื้อผ้าสวมใส่ให้คลายหนาว การที่เราไม่ทะยานอยากใช่ว่าเราจะดีไม่พอสำหรับทุกสิ่ง แต่สำคัญอยู่ที่ว่าเราเป็นผู้เลือกได้ต่างหากว่าสิ่งใดที่ดีพอสำหรับเรา
ชื่อหนังสือ : ดีพอต่อทุกสิ่ง
ชื่อผู้เขียน : ศิริพงษ์ จันทร์หอม
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์ ร.ศ.๒๒๙
พิมพ์เมื่อ : พิมพ์ครั้งที่ 1 2553
ชื่อผู้เขียน : ศิริพงษ์ จันทร์หอม
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์ ร.ศ.๒๒๙
พิมพ์เมื่อ : พิมพ์ครั้งที่ 1 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น