วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สิ่งมีชีวิตในโรงแรม Renovate Edition เตรียมกระชากต่อมงึด ยึดต่อมฮา

สิ่งมีชีวิตในโรงแรม Renovate Edition Story : R.ANCHALEE



สิ่งมีชีวิตในโรงแรม Renovate Edition เพิ่มตอนใหม่เข้าไปอีก 14 ตอน  กำลังจะวางขาย


สิ่งมีชีวิตในโรงแรม หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องราวสุดป่วน กระชากต่อมฮา ของผู้มีอาชีพพนักงานโรงแรม ที่ชื่อวิชัยและผองเพื่อน รวมถึงแขกสุดเพี้ยนที่มาเข้าพัก ใครที่อ่านแล้วขำจนปวดตับกับ สิ่งมีชีวิตในโรงแรม เวอร์ชั่นเก่ามาแล้ว  เตรียมพบกับ สิ่งมีชีวิตในโรงแรม Renovate Edition ที่จะฉลองพิมพ์ครบครั้งที่ 10 โดยเพิ่มตอนใหม่เข้าไปอีก 14 ตอน จากเวอร์ชั่นเดิม 272 หน้า เป็น448 หน้า ! เตรียมหาซื้อเวอร์ชั่นใหม่กันได้ เร็วๆ นี้

เห็นว่า หนังสือ สิ่งมีชีวิตในโรงแรม Renovate Edition กำลังจะวางขาย วันนี้ก็เลยอยากมาเล่าถึง สิ่งมีชีวิตในโรงแรม ให้ฟังกันอีกครั้ง สำหรับใครที่เคยอ่านมาแล้ว หรือคนที่ยังไม่เคยอ่านเลย ลองอ่านตอนต่อไปนี้ดู

"Is there anyone following me?" (มีคนตามชั้นมาใช่มั้ย?)
อืม...ก็กูนี่ไงที่เดินตามมึงอยู่ อยู่กันแค่สองคนยังจะหลอนกันอีก
ว่าแล้วเธอก็จกมือถือออกมาคุย
"Yes mom, I'm coming home." (ค่ะแม่ หนูกำลังจะกลับบ้านแล้ว)

คือจะแปลกใจมากเลยถ้ามือถือมันใช้ได้ เพราะในป่าพงแบบนี้ต่อให้มือถือ 8G ก็ไม่มีคลื่นครับ และที่สำคัญเหนือสิ่งใดผมแอบเห็นว่า มือถือมันไม่ได้เปิดเครื่อง!
เอาซี่...จะมีอะไรที่แปลกใจมากกว่านี้มั้ย
และแล้วพฤติกรรมนังจูก็สลับเป็นลูปนรก คือ คุยกับคุณแม่ผ่านมือถือ หันซ้ายหันขวา หันมาทำท่าตกใจ แล้วถามผมว่า มีคนตามมาใช่มั้ย แล้วหันมาคุยกับแม่ของเธอต่อ...

ยังจำกันได้ใช่ไหม?.....

นี่เป็นพฤติกรรมแปลกๆ ตัวอย่างหนึ่งของแขกที่เข้ามาพักในโรงแรมที่ "วิชัย" ทำงานอยู่ วิชัย เป็นใคร? สำหรับคนที่รู้จักวิชัยแล้วอนุญาตให้อ่านข้ามไปได้ แต่คนที่ยังไม่รู้จักว่า วิชัย เป็นใคร? มา...จะเล่าให้ฟัง

วิชัย เป็นชายหนุ่มที่เรียนจบทางด้านการโรงแรม และมีประสบการณ์การทำงานในโรงแรมระดับห้าดาวมาแล้วหลายแห่ง วิขัยได้นำประสบการณ์ประหลาดๆ ฮาๆ ที่เกิดขึ้นจริงมาถ่ายทอดครั้งแรกผ่านบล็อกชื่อดัง exteen.com ซึ่งเป็นบล็อกที่นักเขียนนักวาดมารวมตัวกันเยอะที่สุดแห่งหนึ่ง บล็อกของเขา ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และได้ขึ้นเป็นเอ็นทรี่แนะนำ (Hot Posts)

ด้วยสำนวนการเขียนที่อ่านสนุก ภาษาจัดจ้าน อ่านแล้วแซบ ฮาเป็นฮา ด่าเป็นด่า สาระก็มีแอบสอดไส้อยู่ทั่วไป นักท่องเน็ตจึงติดบล็อกของวิชัยกันงอมแงม

เมื่อ วงทนงค์ ชัยณรงค์สิงห์ แห่งค่าย a book ริเริ่มโปรเจกต์พิเศษ "a blog" โดยให้ทีมงานตามหาข้อเขียน บทความ หรือเรื่องราวดีๆ ที่อยู่ตามเว็บบล็อกมากมายบนโลกไซเบอร์ ที่น่าจะมีศักยภาพในการแปลงร่างเป็น พ็อกเก็ตบุ๊ก เพื่อมาตีพิมพ์ และบล็อกของวิชัยเป็นหนึ่งผู้ที่ถูกเลือก และถูกตีพิมพ์เป็นพ็อกเก็ตบุ๊กชื่อ "สิ่งมีชีวิตในแรงแรม" โดยวางเหยื่อล่อไว้ใต้ชื่อหนังสือบนหน้าปกว่า

"ถ้าคุณเคยคิดว่าชีวิตในโรงแรมห้าดาว จะถูกแวดล้อมไปด้วยความหรูหรามหาวิจิตร - คิดใหม่!" ซึ่งก็ทำให้เราสนใจใคร่รู้ต่อไปว่า "เออ...แล้วในโรงแรมห้าดาวมันมีอะไร?"
สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ ที่ไม่ค่อยจะได้สัมผัสกับบรรยากาศโรงแรมห้าดาวสักเท่าไหร่ก็คงจะนึกภาพโรงแรมห้าดาวออกเพียงว่า  มีความหรูหรา มีบริการเยี่ยมๆ มีความสะดวกสบายเป็นเลิศ นั่นก็ถูก แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง วิชัยในฐานะผู้คลุกคลีอยู่ในโรงแรมห้าดาวทุกวันจะมาบอกเล่าเรื่องที่เราคาดไม่ถึง เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตประหลาดๆ ซึ่งก็คือ มนุษย์สุดเพี้ยน นั่นเอง

มนุษย์สุดเพี้ยน-โรงแรมห้าดาว ดูจะขัดแย้งกันในที แต่มันมีอยู่จริง ตัวอย่างแขกสุดเพี้ยน "คุณนายโรส" อันลือลั่นนั่นปะไร คุณนายโรสเธอเป็นแขกชาวอเมริกัน ร่างเล็ก สูงประมาณ 150-160 มัดจุกตลอดเวลา เดินไปมาเหมือนลอยได้ ประหนึ่งยืนอยู่บนดอลลี่แล้วมีคนลากให้ วิชัยเปรียบเธอเป็นอาวุธวิสัยไกล มีอำนาจทำลายหนึ่งหมู่บ้านได้สบายๆ

ลำพังผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวนี้สามารถทำคนค่อนโรงแรมระส่ำระสายได้ ดิวตี้แมเนเจอร์ทั้งหลายส่ายหัวไม่อยากเจอ เธอมีวิธีการแสดงออกที่ไม่เหมือนชาวบ้าน คือ เธอจะร้องไห้เวลาปลาบปลื้ม น้ำตาจะชุ่ม ถ้าอะไรไม่ถูกใจเธอก็จะร้องไห้อีก ร้องไห้ในที่นี้คืออาการเดียวกับพ่อเลี้ยง พ่อตา พี่รหัส น้องเขย ลูกหนี้ โดนรถพ่วงบดตัวขาดตกลงไปในบ่อ โดนปลาสวายแดกซากเกลี้ยง ทุกคนถูกห้ามใช้โทรศัพท์ต่อหน้าเธอ เพราะเธอบอกว่าคลื่นโทรศัพท์สามารถทำลายซีรีบรัมสมองซากอ้อยบ้าบอคอตุ้ยอะไรสักอย่าง(จากหนังสือ)

ยัง ความมสติแตก ของคุณนายโรสยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ต่อไปนี้เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ยกมาจากหนังสือ "สิ่งมีชีวิตในโรงแรม"
"ครั้งหนึ่งเธอมาพักกับสามี และสามีเธอออกไปธุระข้างนอก ปล่อยให้เธออาละวาดทำลายล้างอยู่ที่โรงแรม โจทย์วันนี้ก็คือ  เธอเบื่อ อยากไปเดินสวนสาธารณะ เธอบอกว่าอยากไปวังสวนผักกาด ตอนนั้นมัน15.45 แล้วและวังปิดสี่โมงเย็น ต่อให้ดำดินไปก็ไม่ทัน

โรส : เธอช่วยโทรไปบอกวังเค้าทีซิ ว่าเปิดรอชั้นก่อน ชั้นกำลังจะออกไป
โอ้วซ์ ช่างกล้า...
แล้วเธอก็ร้องห่มร้องไห้ เมื่อเพื่อนผมพยายามบอกว่า ไม่ได้หรอก วังที่ไหนก็ต้องปิดตามเวลา จะบ้ารึไง ทำไม่ได้ครับ ก็ต้องวางหมากแก้เกมกันข้างล่าง ปล่อยให้เธอร้องไห้ญาติเสียอยู่ข้างบนไปก่อน...."
ความฮาจน "ปวดตับปวดไต" อย่างนี้ยังมีอีกตลอดทั้งเล่ม ใครทำกำลังเครียดๆ ในชิวิต ลองหา "สิ่งมีชีวิตในโรงแรม" มาอ่าน ชีวิตคุณจะมีความสุขขึ้นในทันใด หนังสือ "สิ่งมีชีวิตในโรงแรม" ของวิชัยเล่มนี้จะเป็นเหมือนกาวที่ทำให้คุณเสพติด ต้องซื้อต้องหาหนังเล่มอื่นๆ ของเขามาเสพเรื่อยๆ เหมือนพวกเราที่อ่านมาแล้วตั้งตาคอย สิ่งมีชีวิตในโรงแรม Renovate Edition มาเสพต่อไป

....แล้วความคิดเกี่ยวกับโรงแรมห้าดาวของคุณจะเปลี่ยนไป
ด้วยใจสุดสนุก


สิ่งมีชีวิตในโรงแรม

ชื่อหนังสือ : สิ่งมีชีวิตในโรงแรม  Renovate Edition
ชื่อผู้แต่ง    : วิชัย
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์ a book
พิมพ์ล่าสุด : พิมพ์ครั้งที่ 10 แก้ไขและเพิ่มเติม

อยากหาเรื่องขำๆ ใส่ตัว เชิญที่บล็อกของวิชัยที่ http://doggiestyle.exteen.com/
Facebook Fan Page : http://www.facebook.com/vichaibooks

บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ The Diary of a Young Girl : หากวันนี้เธอยังมีชีวิตอยู่

บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ The Diary of a Young Girl Story : R.ANCHALEE



แนวคิดเรื่อง "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว" หรือภาษาอังกฤษว่า Holocaust อันหมายถึง "การตายของคนกลุ่มใหญ่อย่างรุนแรง"   ของท่านผู้นำหนวดจิ๋ม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เรียกได้ว่าสุดโต่ง บ้าคลั่ง เข้าขั้นเสียสติ เขามีความเชื่อว่าบุคคลที่ไม่ใช่สายเลือดอารยันบริทุธิ์ไม่ควรมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไป และเพื่อสนับสนุนแนวคิดผู้เป็นนาย

ไฮน์ริช ฮิมเลอร์ เป็นผู้บัญชาการหน่วยเอสเอส ผู้บัญชาการทหาร และสมาชิกระดับสูงของพรรคนาซี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบโดยตรงที่สุดสำหรับกาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จึงหาสารพัดวิธีมาทำลายมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่นให้สิ้นซาก โดยใช่วิธีทัณฑ์ทรมานต่างๆ นานา ทั้งการจับเอามาทำเป็นหนูทดลอง การปล่อยให้อดตาย การรมแก๊สพิษ และอื่นๆ อีกสารพัดวิธี ผลก็คือทำให้มีชาวยิวและกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ถูกสังหารเป็นจำนวนกว่า 5 ล้านคน ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

แอนน์ แฟรงค์ คือเด็กหญิงชาวยิวผู้หนึ่งที่ต้องจบชีวิตลงในครั้งนั้น แม้ว่าเธอจะไม่ได้ถูกยิง หรือถูกส่งเข้าห้องรมแก๊สพิษก็ตามที แต่ความทรมานที่เธอได้รับก็คงไม่ต่างชาวยิวผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นๆ เธอเสียชีวิตด้วยโรคไข้รากสาด ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายของค่ายกักกัน

สิ่งเดียวที่เธอได้ทิ้งไว้และแสดงให้เห็นถึงความสามารถในด้านการเขียนของเธอก็คือสมุดบันทึกประจำวันเล่มหนึ่งที่เธอได้รับเป็นของขวัญวันเกิดในปีที่ 13 ซึ่งต่อมาสมุดบันทึกเล่มนี้ได้กลายเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่มีผู้อ่านมากที่สุดในโลกในชื่อ "บันทึกลับของแอนนน์ แฟรงค์" The Diary of a young girl


สมุดบันทึกของแอนน์ แฟรงค์
สมุดบันทึกของแอนน์ แฟรงค์

แอนน์ แฟรงค์ หรือ อันเน่อ ฟรังค์ หรือชื่อเต็มว่า อันเน่อลีเซอ ฟรังค์ (Anneliese Fank)เกิดที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีในปีค.ศ.1929 พ่อของเธอ อ๊อตโต แฟรงค์ เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย ส่วนแม่ของเธอ อิดิธ แฟรงค์ ก็มาจากตระกูลที่ร่ำรวยเช่นกัน เธอจึงมีความเป็นอยู่อย่างคุณหนูทีเดียว แอนน์มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ มาก็อธ แฟรงค์ ซึ่มีบุคลิกนิสัยใจคอต่างกับเธอโดยสิ้นเชิง โดยมาก็อธเป็นคนติ๋มๆ ใฝ่เรียนรู้ ส่วน แอนน์ แฟรงค์ มีอุปนิสัยร่าเริง  เปิดเผย จริงใจ

ในปีค.ศ.1933 เมื่อพรรคนาซีได้รับชับชนะในการเลือกตั้งและฮิตเลอร์ขึ้นมามีอำนาจอย่างเต็มตัว อ๊อตโต แฟรงค์ พ่อของแอนน์คาดการณ์ว่าอนาคตเยอรมนีจะต้องนองเลือด จึงเตรียมอพยพออกจากเยอรมนีไปตั้งรกรากที่เนเธอร์แลนด์ โดยให้ภรรยาและมาก็อธไปพักกับมารดาของเธอที่เมืองอาเค่น ส่วนเขาก็หนีบแอนน์ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 3 ขวบไปเนเธอร์แลนด์ จนได้ที่อยู่เป็นหลักแหล่งจึงรับครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน

ต่อมาเมื่อกองทัพนาซีเข้ายึดครองเนเธอร์แลนด์ และได้ออกกฎควบคุมชาวยิวอย่างเข้มขวด อาทิ  ต้องติดรูปดาวไว้บนอกเสื้อ เพื่อให้รู้ว่าเป็นคนยิวนะ ห้ามชาวยิวเข้าร้านรวงต่างๆ ที่ทางการไม่อนุญาต (ห้ามมันเกือบทุกร้าน) ห้ามชาวยิวเข้าโรงภาพยนตร์ และอาหารที่ได้รับแบ่งสรรปันส่วนอย่างจำกัด เรียกได้ว่ากระดิกกระเดี้ยแทบไม่ได้

แล้วสถานการณ์ก็มาตึงเครียดสุดๆ เมื่อ มาก็อธ แฟรงค์พี่สาวของแอนน์ ถูก "หมายเรียกตัว" หมายเรียกในที่นี้ไม่เหมือน หมายเรียกเกณฑ์ทหาร นะท่าน คือเรียกแล้วไปลับ ไม่ได้กลับจากค่าย ทีนี้จะอยู่ทำไมล่ะครับทั่น เผ่นสิ ดังนั้นแอนน์และครอบครัวของเธอกับผู้อื่นอีก 4 คน จึงต้องหลบไปซ๋อนตัว ในที่ซ่อนลับบนห้องหลังคา สำนักงานของนายอ็อตโต แฟรงค์ผู้พ่อ
อาคารสำนักงานที่ซ่อนลับ

อาคารสำนักงานที่ซ่อนลับ

ห้องลับบนหลังคานี้ไม่ธรรมดา ปกปิดร่องรอยได้มิดชิดนัก ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังประตูบานเก่าที่ชั้นสามจะเป็นประตูไปสู่ "ที่ซ่อนลับ" ภายในยังแบ่งเป็นห้องหับต่างๆ อย่างสลับซับซ้อน ทั้งห้องนอน ห้องทำงาน นั่งนั่งเล่น ห้องครัวเล็กที่ดัดแปลงจากห้องทดลอง ห้องน้ำ และห้องส้วม เรียกว่าครบ ไม่สุขสบายแต่ก็ไม่ลำบาก

หากทว่าให้อยู่เล่นๆ สักอาทิตย์ สองอาทิตย์ ก็พอว่า แต่แอนน์และคนอื่นๆ ต้องหลบอยู่ในที่ซ่อนลับถึง 2 ปี ! คิดดูเเถอะท่านว่า 2 ปีที่ไม่ได้ออกไปสู่โลกภายนอก แม้แต่ก้าวเดียวจะเป็นเช่นไร ติดคุกยังดีเสียกว่า เพราะติดคุกยังมีอิสระเสรีในบางคราวเท่าที่ผู้คุมจะอนุญาต แต่นี่ต้องเก็บตัวอยู่ในแต่ที่ซ่อนลับตลอดเวลา สภาพจิตคงย่ำแย่ถึงขีดสุด แต่เธอก็พยายามมองว่ายังโชคดีที่ไม่ต้องถูกจับไปค่ายกักกัน ซึ่งนั่นหมายถึงความตาย
ห้องนอนของ แอนน์ แฟรงค์ ในที่ซ่อนลับ
ห้องนอนของ แอนน์ แฟรงค์ ในที่ซ่อนลับ

ความประทับใจที่มีต่อหนังสือ "บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์" คือความผูกพันที่มีต่อชีวิตของเธอ มันเป็นความผูกพันที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การที่เธอเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในที่ซ่อนลับ รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น ทำให้เรารู้สึกประหนึ่งเป็นผู้มีส่วนร่วมด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งคอยลุ้น คอยเอาใจช่วย และคอยรับฟังเธอบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เมื่อบันทึกเดินทางมาใกล้สิ้นสุด เราก็รู้สึกใจหายวาบ เพราะรู้ว่าอีกไม่นานแอนน์จะตาย

แอนน์ แฟรงค์ เริ่มเขียนบันทึกครั้งแรกลงวันที่ 12 มิถุนายน 1942 และเขียนบันทึกครั้งสุดท้ายลงวันที่ 1 สิงหาคม 1944 อีก 3 วันถัดมา คือในวันที่ 4 สิงหาคม 1944 แอนน์แฟรงค์และคณะรวม 8 คน ถูกหักหลังและถูกตำรวจลับเข้าจับกุม เธอถูกส่งไปยังค่ายเวสเตอร์บอร์ก วันที่ 3 กันยายน 1944 พวกเขาถูกย้ายไปค่ายเอาชวิตซ์ในโปแลนด์ ที่สุดแอนน์ แฟรงค์ เสียชีวิตด้วยโรคไข้รากสาดใหญ่ในค่ายกักกันแบร์เกิน-เบลเซิ่น

อ็อทโต แฟรงค์ เป็นคนเดียวในบรรดาพวกที่ซ่อนลับที่รอดชีวิตหลังจากสิ้นสุด ผู้ให้ความช่วยเหลือเมื่อครั้งอยู่ในที่ซ่อนลับ เก็บสมุดบันทึกของแอนน์ได้จากพื้นห้องในที่เกลื่อนกลาดกระจุยกระจาย และส่งมอบให้อ๊อตโต แฟรงค์ พ่อของแอนน์ เขาตัดสินใจนำสมุดบันทึกดังกล่าวออกตีพิมพ์ เพื่อให้สมกับปณิธานของแอนน์ที่ต้องการเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง ถ้าแม้นว่าเธอยังอยู่....วันนี้ เธอคงได้ชื่นชมกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเธอสมดั่งใจ
หลุมศพของ แอนน์ แฟรงค์ และ มาก็อธ แฟรงค์

หลุมศพของ แอนน์ แฟรงค์ และ มาก็อธ แฟรงค์

Note : เกร็ดเกี่ยวกับค่ายกักกันของนาซี หรือเกร็ดเกี่ยวกับสงคราม ยังมีที่น่าสนใจอีกมาก รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่แอนน์ แฟรงค์ เสียชีวิตแล้ว ก็มีคนพูดถึงอีกจำนวนไม่น้อย ท่านที่สนใจสามารถ Search หาอ่านเพิ่มเติมได้

บันทึกลับ ของ แอนน์ แฟรงค์ The Diary of a Yonng Girl

ชื่อหนังสือ : บันทึกลับ ของ แอนน์ แฟรงค์ The Diary of a Young Girl
ชื่อผู้แต่ง   : Anne Frank
ชื่อผู้แปล   : สังวรณ์ ไกรฤกษ์
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ
พิมพ์ล่าสุด : พิมพ์ครั้งที่ 3 แก้ไขและเพิ่มเติม สิงหาคม 2553

วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ใครคือ HARUKI MURAKAMI : แกะรอย แกะดาว (A Wild Sheep Chase) ?

Story : R.ANCHALEE




"ใครคือ HARUKI MURAKAMI ?" เป็นคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นหนังสือ แกะรอย แกะดาว (A Wild Sheep Chase) เป็นครั้งแรก จำได้ว่าซื้อมาแบบงงๆ อ่านช่วงแรก ก็ยังงงๆ ไม่หาย เพราะดำเนินเรื่องสลับไปมา เล่นเอาตามไม่ทัน อีกทั้งวลีก็แปลกแปล่งกว่าหนังสือเท่าที่เคยอ่านมา

วลีที่ว่า เช่น สามัญดาษดื่น ที่นี่หนาวอิบหาย ไปกินขี้เหอะ! เป็นต้น และมีอีกหลายประโยคในระหว่างการสนทนา ที่อ่านแล้วรู้สึกว่า กวนดีแท้  และอีกประเด็นที่รู้สึกได้ ไม่รู้คุณคิดเหมือนกันไหม? ที่ว่า อ่านงานของ HARUKI MURAKAMI  แล้วเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหนังของ "หว่องกาไว" ไม่ผิดเพี้ยน บรรยากาศแบบมืดๆ ทึมๆ ควันบุหรี่คลุ้งๆ อาร์ตๆ เข้าใจยากๆ ทำนองนี้ อ่านไปแล้วครึ่งเล่มยังไม่รู้เลยว่ามันเกี่ยวกับอะไร แต่เขาว่าไว้ว่างานเขียนดีๆ ต้องเป็นประเภทที่ทำให้เราซึมซับโดยไม่รู้ตัว และงานของ HARUKI MURAKAMI เป็นเช่นนี้จริงๆ


แกะรอย แกะดาว  เป็นเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งที่สุดแสนจะ "สามัญ" เขามีชีวิตสามัญ มีอาชีพสามัญ คือ เป็นนักเขียน เขาเปิดบริษัทร่วมกับหุ้นส่วน รับเขียนคำโฆษณา และแปลงานจากเอกสารต่างๆ กิจการดำเป็นไปด้วยดี แต่ชีวิตส่วนตัวกลับอย่าร้างกับภรรยาย ใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างจืดชืดสามัญ
ดื่มเบียร์  กาแฟ สูบบุรี่ ทำอาหาร เลี้ยงแมว ฟังดนตรีในบาร์ 

วันหนึ่งเขาได้รับว่าจ้างให้เขียนคำโฆษณาเกี่ยวกับใบหู! เมื่อเขาได้เห็นรูปถ่ายใบหู เขาถึงกับเกิดหลงใหลใบหูนั้น และสืบหาเจ้าของใบหูมหัศจรรย์ จนในทั่สุดเขาก็ได้มารู้จักกับสาวใบหูมหัศจรรย์คนนั้น นี่เป็นความพึลึกตอนแรกเท่านั้น

ความพิลึกช่วงที่สองก็คือ การที่มีผู้มีอิทธิพลลึกลับ มาว่าจ้างให้เขาตามหาแกะแบบเดียวกับในรูปถ่าย แกะที่มีดาวอยู่บนลำตัว

และท้ายสุด เป็นความพิลึกของแก่นเรื่อง ก็คือตามหา เจ้าแกะดาว นี่แหละ ส่วนจะพิลึกอย่างไร สุดท้ายเขาจะพบแกะดาวหรือไม่?  ต้องหามาอ่านเอาเองนะท่าน

ปรากฏณ์การที่เกิดขึ้นหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ก็คือ เกิดการซึมซับเอาวลี และประโยคแปลกแปล่งเอาไว้อย่างไม่รู้ตัวและค่อยๆ กลายมาเป็นความชอบในที่สุด  ถึงกับต้องกลับไปอ่านหน้าปกว่าผู้ใดเป็นคนแปล และนั่นก็ทำให้รู้จักคุณ "นพดล เวชสวัสดิ์" เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกับการรู้จัก HARUKI MURAKAMI  นับว่าการที่จะอ่านหนังสือให้ได้อรรถรสครบถ้วนตามแบบนักเขียนเจ้าของเรื่อง ผู้แปลมีส่วนสำคัญมากทีเดียว

หากงานเขียนของ HARUKI MURAKAMI เป็นงานเขียนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และอรรถรสแล้วล่ะก็ ผู้แปล คุณนพดล ก็ยิ่งช่วยถมความมีเสน่ห์และอรรถรสให้เต็มเป็นเท่าทวีคูณ (จะสัมผัสได้จากงานเขียนของ HARUKI MURAKAMI เล่มอื่นๆ ที่คุณนพดลไม่ได้แปล ซึ่งจะมาเล่าให้ฟังโอกาสหน้า) 

หนังสือ แกะรอย แกะดาว เล่มที่อ่านเป็นของสำนักพิมพ์กำมะหยี่ ซึ่งเป็นการพิมพ์ครั้งสอง ออกวางขายเมื่อเดือนธันวาคม 2554 ส่วนการพิมพ์ครั้งแรกออกเมื่อมกราคม 2546 โดยสำนักพิมพ์แม่ไก่ขยัน แกะรอย แกะดาว เล่มนี้เป็นเล่มปัจฉิมบทแห่ง "ไตรภาพแห่งมุสิก" (Trilogy of the Rat)
ต่อจาก สดับลมขับขาน และ พินบอล 1973 โดยสำนักพิมพ์กำมะหยี่เช่นเดียวกัน และจะนำมาเล่าในโอกาสต่อไป

 แกะรอย แกะดาว  จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้จักกับ  HARUKI MURAKAMI หลังจากนั้นก็มีหนังสือของ HARUKI MURAKAMI ตามมาอีกหลายเล่ม ความชอบที่มีต่อเขาไม่ได้เป็นความชอบแบบคลั่งไคล้ แต่เป็นความชอบแบบค่อยๆ ซึมซับ แม้ว่าจะมีอีกหลายคนที่หมั่นไส้เขาก็ตามที หากพูดอย่างเป็นกลางก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นนักเขียนทีมีแนวคิดแปลกล้ำ ไม่ซ้ำใครจริงๆ 


ชื่อหนังสือ : แกะรอย แกะดาว
ชื่อผู้แต่ง    :HARUKI MURAKAMI
ชื่อผู้แปล   : นพดล เวชสวัสดิ์
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์กำมะหยี่
พิมพ์ล่าสุด : พิมพ์ครั้งที่ 2 ธันวาคม 2554




วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Reading Quotes #3 : I Love Reading Quotes!

Reading Quotes


“Reading is a discount ticket to everywhere.” 

 - Mary Schmich



 “Reading gives us someplace to go when we have to stay where we are.” 

 - Mason Cooley



 “I was born with a reading list I will never finish.” 

 - Maud Casey



 “There is no substitute for books in the life of a child.” 

 - May Ellen Chase





 “Any book that helps a child to form a habit of reading, to make reading one of his deep and continuing needs, is good for him.
” 

 - Maya Angelou




 “A big book is like a serious relationship; it requires a commitment. Not only that, but there's no guarantee that you will enjoy it, or that it will have a happy ending.” 

 - Mick Foley




 “Reading is a basic tool in the living of a good life.” 

 - Mortimer Adler




 “Thank you for sending me a copy of your book ? I?ll waste no time reading it.” 

 - Moses Hadas




 “Fluency is a bigger problem for many American middle graders than accuracy.” 

 - National Reading Panel, 2000



 “Students who do not develop reading fluency, regardless of how bright they are, are likely to remain poor readers throughout their lives.” 

 - National Reading Panel, 2000



 “There is ample evidence that one of the major differences between poor and good readers is the difference in the quantity of total time they spend reading.” 

 - National Reading Panel, 2000



 “have given up reading books; I find it takes my mind off myself.” 

 - Oscar Levant




 “Always read something that will make you look good if you die in the middle of it.” 

 - P. J. O'Rourke



 “You teach a child to read, and he or she will be able to pass a literacy test.” 

 - President George W. Bush (Townsend, Tennessee, Feb. 21, 2001)




 “A man is known by the books he reads.” 

 - Ralph Waldo Emerson





 “In the highest civilization, the book is still the highest delight. He who has once known its satisfactions is provided with a resource against calamity.” 

 - Ralph Waldo Emerson



 “You don't have to burn books to destroy a culture. Just get people to stop reading them.” 

 - Ray Bradbury





 “Effective readers, even at their earliest levels, read in five to seven word phrases rather than word by word.” 

 - Richard L. Allington, "What Really Matters for Struggling Readers" (2001)




 “Reading is to the mind what exercise is to the body.” 

 - Richard Steele




 “So please, oh PLEASE, we beg, we pray, Go throw your TV set away, And in its place you can install, A lovely bookshelf on the wall.” 

 - Roald Dahl, Charlie and the Chocolate Factory





 “A truly great book should be read in youth, again in maturity and once more in old age, as a fine building should be seen by morning light, at noon and by moonlight.” 

 - Robertson Davies



 “It is not true we have only one life to love, if we can read, we can live as many lives and as many kinds of lives as we wish.” 

 - S.I. Hayakawa




 “A writer only begins a book. A reader finishes it.” 

 - Samuel Johnson



 “A man ought to read just as inclination leads him, for what he reads as a task will do him little good.” 

 - Samuel Johnson




 “Choose an author as you choose a friend.” 

 - Sir Christopher Wren




 “To acquire the habit of reading is to construct for yourself a refuge from almost all the miseries of life.” 

 - Somerset Maugham




 “The world may be full of fourth-rate writers but it's also full of fourth-rate readers.” 

 - Stan Barstow




 “Babies are born with the instinct to speak, the way spiders are born with the instinct to spin webs. You don't need to train babies to speak; they just do. But reading is different.” 

 - Steven Pinker





 “The man who reads nothing at all is better educated than the man who reads nothing but newspapers.” 

 - Thomas Jefferson





 “To learn to read is to light a fire; every syllable that is spelled out is a spark.” 

 - Victor Hugo





 “Let us read and let us dance - two amusements that will never do any harm to the world.” 

 - Voltaire




 “Today a reader, tomorrow a leader.” 

 - W. Fusselman






 “There is more treasure in books than in all the pirate's loot on Treasure Island.” 

 - Walt Disney




 “The first law of skillful reading is merely an application of the Law of Relative Importance. You must perceive, first of all, the total offerings of the printed matter; then you must appraise these.” 

 - Walter Pitkin, The Art of Rapid Reading




 “What is reading but silent conversation?” 

 - Walter Savage Landor





 “Read, read, read.” 

 - William Faulkner



 “So it is with children who learn to read fluently and well: They begin to take flight into whole new worlds as effortlessly as young birds take to the sky.” 

 - William James





 “The only thing better than good English writing is - I can't think of anything. You just don't pour it pureed over your potatoes. You savor it as if it were a find chardonnay. What on Earth does it matter if you stop and repeat a phrase, roll it around on your tongue, dart a few lines ahead and then suddenly come back and reread it? If the phrase is good enough, you are supposed to stop and rejoice in it.” 

 - William Murchison




 “I divide all readers into two classes: Those who read to remember and those who read to forget.” 

 - William Phelps




Reading Quotes #2 : I Love Reading Quotes!

Reading Quotes


“Some books are to be tasted, others to be swallowed, and some few are to be chewed and digested.” 


 - Francis Bacon








 “Once you learn to read, you will be forever free.” 


 - Frederick Douglass








 “To feel most beautifully alive means to be reading something beautiful, ready always to apprehend in the flow of language the sudden flash of poetry.” 


 - Gaston Bachelard






 “The nonreading children are the greatest problem in American education.” 


 - Glenn Doman, "How to Teach Your Baby to Read"








 “I find television very educating. Every time somebody turns on the set, I go into the other room and read a book.” 


 - Groucho Marx








 “Read in order to live.” 


 - Gustave Flaubert








 “Not all readers are leaders, but all leaders are readers.” 


 - Harry S. Truman








 “All evidence points to the seemingly illogical conclusion that the faster most people read, the better they understand.” 


 - Harry Shefter, Faster Reading Self-Taught








 “Reading takes us away from home, but more important, it finds homes for us everywhere.” 


 - Hazel Rochman








 “When I read about the evils of drinking, I gave up reading.” 


 - Henny Youngman








 “The goal in fluency instruction is not fast reading, although that happens to be a by-product of the instruction, but fluent meaning-filled reading.” 


 - International Reading Association








 “There is an art of reading, as well as an art of thinking, and an art of writing.” 


 - Isaac D'Israeli








 “There are many little ways to enlarge your child's world. Love of books is the best of all.” 


 - Jacqueline Kennedy








 “When we read a story, we inhabit it. The covers of the book are like a roof and four walls. What is to happen next will take place within the four walls of the story. And this is possible because the story's voice makes everything its own.” 


 - John Berger








 “Never read a book through merely because you have begun it.” 


 - John Witherspoon








 “Of all the diversions of life, there is none so proper to fill up its empty spaces as the reading of useful and entertaining authors.” 


 - Joseph Addison








 “There are worse crimes than burning books. One of them is not reading them.” 


 - Joseph Brodsky








 “The great objection to new books is that they prevent our reading old ones.” 


 - Joseph Joubert








 “It is not enough to simply teach children to read; we have to give them something worth reading. Something that will stretch their imaginations--something that will help them make sense of their own lives and encourage them to reach out toward people whose lives are quite different from their own.” 


 - Katherine Patterson








 “No entertainment is so cheap as reading, nor any pleasure so lasting. She will not want new fashions nor regret the loss of expensive diversions or variety of company if she can be amused with an author in her closet.” 


 - Lady Montagu








 “People say that life is the thing, but I prefer reading.” 


 - Logan Pearsall Smith








 “It is well to read everything of something, and something of everything.” 


 - Lord Henry P. Brougham








 “Teaching reading IS rocket science.” 


 - Louisa Moats








 “A book is the most effective weapon against intolerance and ignorance.” 


 - Lyndon Baines Johnson








 “Listening to good models of fluent reading, students can learn how a reader's voice can help text make sense.” 


 - M.R. Kuhn & S.A. Stahl, "Fluency: A Review of Development and Remedial Practices" (2003)








 “Everyone probably thinks that I'm a raving nymphomaniac, that I have an insatiable sexual appetite, when the truth is I'd rather read a book.” 


 - Madonna (1991)








 “It has been established beyond a shadow of doubt that readers in general waste a great deal of time and effort.” 


 - Manya and Eric De Leeuw, Read Better, Read Faster: A New Approach to Efficient Reading








 “Every reader finds himself. The writer's work is merely a kind of optical instrument that makes it possible for the reader to discern what, without this book, he would perhaps never have seen in himself.” 


 - Marcel Proust








 “Today a reader, tomorrow a leader.” 


 - Margaret Fuller






 “A text is at a students' independent reading level if they can read it with about 95% accuracy.” 


 - Marie B. Clay, "An observation survey of early literacy achievement" (1993)






 “As the child approaches a new text he is entitled to an introduction so that when he reads, the gist of the... story can provide some guide for a fluent reading.” 


 - Marie Clay








 “The man who does not read good books has no advantage over the man who can't read.” 


 - Mark Twain






 “A classic is something that everybody wants to have read and nobody wants to read.” 


 - Mark Twain








 “A good book is the best of friends, the same today and forever.” 


 - Martin Tupper









Reading Quotes #1 : I Love Reading Quotes!

Reading Quotes

“To read is to fly: it is to soar to a point of vantage which gives a view over wide terrains of history, human variety, ideas, shared experience and the fruits of many inquiries.” 

 - A C Grayling, Financial Times (in a review of A History of Reading by Alberto Manguel)


 “A capacity and taste for reading gives access to whatever has already been discovered by others.” 

 - Abraham Lincoln



 “The things I want to know are in books; my best friend is the man who'll get me a book I ain't read.” 

 - Abraham Lincoln



 “To read a writer is for me not merely to get an idea of what he says, but to go off with him and travel in his company.” 

 - Andre Gide


 “Reading a book is like re-writing it for yourself. You bring to a novel, anything you read, all your experience of the world. You bring your history and you read it in your own terms.” 

 - Angela Carter



 “Give me a man or woman who has read a thousand books and you give me an interesting companion. Give me a man or woman who has read perhaps three and you give me a dangerous enemy indeed.” 

 - Anne Rice, The Witching Hour



 “If you can read this, thank a teacher.” 

 - Anonymous teacher



 “The habit of reading is the only enjoyment in which there is no alloy; it lasts when all other pleasures fade.” 

 - Anthony Trollope



 “All the best stories in the world are but one story in reality -- the story of escape. It is the only thing which interests us all and at all times, how to escape.” 

 - Arthur Christopher Benson



 “Reading is sometimes an ingenious device for avoiding thought.” 

 - Arthur Helps


 “Wear the old coat and buy the new book.” 

 - Austin Phelps


 “The ability to read awoke inside me some long dormant craving to be mentally alive.” 

 - Autobiography of Malcolm X, 1964


 “He that loves a book will never want a faithful friend, a wholesome counselor, a cheerful companion, an effectual comforter. By study, by reading, by thinking, one may innocently divert and pleasantly entertain himself, as in all weathers, as in all fortunes.” 

 - Barrow


 “Life-transforming ideas have always come to me through books.” 

 - Bell Hooks



 “We read to know we are not alone.” 

 - C.S. Lewis



 “The fluent reader sounds good, is easy to listen to, and reads with enough expression to help the listener understand and enjoy the material.” 

 - Charles Clark, "Building Fluency: Do It Right and Do It Well!" (1999)



 “You're the same today as you'll be in five years except for the people you meet and the books you read.” 

 - Charlie "Tremendous" Jones



 “When you sell a man a book you don't sell him just 12 ounces of paper and ink and glue - you sell him a whole new life.” 

 - Christopher Morley


 “No matter how busy you may think you are, you must find time for reading, or surrender yourself to self-chosen ignorance.” 

 - Confucius



 “I used to walk to school with my nose buried in a book.” 

 - Coolio



 “It is better to read a little and ponder a lot than to read a lot and ponder a little.” 

 - Denis Parsons Burkitt



 “The reading of all good books is like conversation with the finest men of the past centuries.” 

 - Descartes



 “The connection between reading speed and comprehension; a film is made up of still images flashed in rapid succession to simulate movement. Slow down the film, and the movement and meaning slows and the film's impact is diminished. Viewers won't learn as much about the film as if it were shown at normal speed. With reading the same thing can happen. When a person reads word by word, like frame by frame, they are not reading on the level of ideas. You need to read on some level that's more conversational and allows things to coalesce into ideas themselves.” 

 - Doug Evans, Institute of Reading Development



 “The more you read, the more things you will know. The more that you learn, the more places you'll go.” 

 - Dr. Seuss, "I Can Read With My Eyes Shut!"



 “Reading without reflecting is like eating without digesting.” 

 - Edmund Burke


 “A book is the only place in which you can examine a fragile thought without breaking it, or explore an explosive idea without fear it will go off in your face. It is one of the few havens remaining where a man's mind can get both provocation and privacy.” 

 - Edward P. Morgan



 “This will never be a civilized country until we expend more money for books than we do for chewing gum.” 

 - Elbert Hubbard


 “The greatest gift is a passion for reading.” 

 - Elizabeth Hardwick



 “Children are made readers on the laps of their parents.” 

 - Emilie Buchwald



 “How my life has been brought to undiscovered lands, and how much richer it gets - all from words printed on a page.... How a book can have 560 pages, but in only three pages change the reader's life.” 

 - Emoke B'Racz, Writing in Malaprop's Newsletter



 “Reading has given me more satisfaction than really anything else.” 

 - Fashion designer Bill Blass, quoted in Worth (September 1999)



 “Reading will give you lasting pleasure.” 

 - First Lady Laura Bush (quoted in U.S. News & World Report)



 “Some people will lie, cheat, steal and back-stab to get ahead... and to think, all they have to do is READ.” 

 - Fortune





นวนิยายจีนชุด คนขุดสุสาน เล่ม1-4(จบ) ถ้าพร้อมแล้วร่วมออกตามล่าหาสมบัติด้วยกันเถอะ!


นวนิยายจีน คนขุดสุสาน
Story : R.ANCHALEE


ว่ากันว่าอาชีพที่เก่าแก่คร่ำครึที่สุดในโลกอาชีพหนึ่งก็คือ อาชีพคนขุดสุสาน หรือที่ฝรั่งเรียกว่า tomb robbers นั่นแล เป็นรองก็เพียงอาชีพโสเภณีเท่านั้น และประเทศที่มีสุสานให้ขุดมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นประเทศจีนนี่แหละ เพราะมีประวัติศาสตร์ชนชาติยาวนานกว่า 5,000 ปี มีฮ่องเต้มาแล้วไม่รู้กี่พระองค์

แต่ละพระองค์ก็เชื่อแบบหลับหูหลับตาซะด้วยว่า ตนเองเป็นโอรสสวรรค์ เป็นอมตะ ไม่มีวันตายเสียหรอก อย่างที่ได้ยินในหนังจีนเวลาขุนนางเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้วถวายพระพรว่า "ขอพระองค์ทรงพระเจริญ อายุยิ่งยืนนานนับหมื่นๆ ปี!" ฮ่องเต้ก็ชอบอกชอบใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่เอาเข้าจริงไม่เห็นมีองค์ใดอายุเกินร้อยปีสักพระองค์

ในเมื่อฮ่องเต้ไม่สามารถเอาชนะวัฏจักรของชีวิตได้ พระองค์ก็คิดว่าอย่างน้อยก็ขอให้สุขสบายหลังตายก็แล้วกัน ว่าแล้วก็สั่งให้อำมาตย์ขุนนางกะเกณฑ์ไพร่พลมาก่อสร้างสุสานเป็นการใหญ่ ยิ่งอลังการวิจิตรพิสดารเท่าไหร่ยิ่งดีนัก 

ยกตัวอย่าง สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ นั่นปะไร ความใหญ่โตอลังการไม่ต้องพูดถึงเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นสุสานโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามบันทึกโบราณบันทึกว่าพระองค์ใช้ไพร่พล แลทาสในการก่อสร้างสุสานกว่า 700,000 คน คิดดูเถิดพี่น้องสมัยโบราณ 700,000 คนนี่ไม่ใช่เล่นๆ นะท่าน 

ภายใต้พื้นดินที่มีความลึกถึง 47 เมตร ลักษณะของสุสานเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าครอบคลุมอาณาเขตพื้นที่กว่า 56 ตร.กม. แต่ละส่วนแบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ บริเวณกลางสุสานเชื่อกันว่าคือสถานที่สำหรับฝังพระบรมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ และตามบันทึกโบราณอีกนั่นแหละที่ได้บันทึกเอาไว้ว่า เพดานของสุสานนั้นมีการประดับด้วยเพชรพลอยจำนวนมากเป็นรูปท้องฟ้าในยามค่ำคืน 

และเหมือนจิ๋นซีฮ่องเต้จะคาดการณ์ล่วงหน้าเผื่อเอาไว้เป็นพันปี ว่าอนาคตข้างหน้าอาจจะมีพวกมิจฉาชีพ หรือพวกโลภมากจนหน้ามืด คิดจะลงมือขุดสุสานและขนทรัพย์สมบัติของพระองค์ออกไป จึงสั่งให้ช่างฝีมือซ่อนค่ายกล ป้องกันพวกลักขโมย เมื่อเข้าใกล้บริเวณสุสานเกาทัณฑ์ก็จะพุ่งเข้าใส่ทันที ยังแค่นี้ยังไม่สะใจพระองค์ จากการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์พบว่า บริเวณพื้นดินส่วนกลางของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ มีรังสีจากสารปรอทปริมาณมากที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สารปรอทนั้นแผ่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ 1,200 ตร.ม. ซึ่งสอดคล้องกับบันทึกของซื่อหม่า เสี่ยน ตอนหนึ่งที่ว่า ปรอทใช้บรรจุไว้แทนทะเลและแม่น้ำ เรียกว่าต้องการกำจัดแบบหวังผล หากขืนบุกรุกมีหวังซี้แหงแก๋ 

ด้วยสถาปัตยกรรมการก่อสร้างอันแยบยล ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถขุดห้องที่ฝังพระบรมศพจิ๋นซีฮ่องเต้ได้ นักโบราณคดีก็ยังคงต้องทำงานหนักต่อไป นี่เป็นแค่ตัวอย่างสุสานของฮ่องเต้เพียงเพราะองค์เดียว อย่างที่บอกว่าประเทศจีนมีฮ่องเต้มาไม่รู้กี่พระองค์ ท่านคิดว่าจะมีสุสานยิ่งใหญ่แบบนี้เพียงสุสานเดียวหรือ? ไม่อย่างแน่นอน พวกคนขุดสุสานก็คิดเช่นเดียวกันนี้ จึงดั้นด้นเสาะหาสุสานเพื่อขุด เจาะ หวังจะเจอแจ็กพอตก้อนโต 


แต่มันก็ไม่ง่ายดายขนาดนั้น การจะเอาชนะสติปัญญาระดับฮ่องเต้และขุนนางฝ่ายบุ๋นเจ้าปัญญาไม่ง่ายนัก  ต้องอาศัยวิชาตวามรู้อยู่ไม่น้อย ตั้งแต่การใช้เคล็ดวิชา ฮวงจุ้ย เพื่อค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของสุสาน การใช้ทักษะเอาตัวรอดจากค่ายกล และพิษ เป็นต้น ซึ่งคนที่จะมีเคล็ดลับวิชาดังกล่าวได้ จำต้องอาศัยประสบการณ์ รวมถึงการใช้ไหวพริบปฏิภาณด้วย ซึ่งวิชาเหล่านี้เองก็ได้ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานในเวลาต่อมา

เช่นเดียวกับ หูป๊าอิ จากหนังสือเรื่อง คนขุดสุสาน  เขาเป็นชายหนุ่มผู้เติบโตมาในยุคท่ามกลางเปลี่ยนผ่านวัฒนธรรมจีน เขาได้รับตำราครึ่งเล่มตกทอดมาจากปู่ตั้งแต่สมัยเด็กคือ "ตำราฮวงจุ้ยหยินหยางสิบหกอักษร" ตำราฮวงจุ้ยโบราณที่รวมเอาศาสตร์ที่สาบสูญและช่วยเปิดโลกใหม่ให้กับเขาแต่เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ออกเสาะหาและขุดสุสานจริงๆ เสียที แต่หลังจากเขาปลดระวางจากการเป็นทหาร ในที่สุดโอกาสของเขาก็มาถึง ศาสตร์ที่เขาแอบท่องจำร่ำเรียนแต่เด็กได้เวลานำมันออกมาใช้แล้ว ประตูบานใหม่และเรื่องราวแสนลึกลับเกินกว่าใครจะคาดเดา กำลังรอเขาอยู่!!

นวนิยายจีนชุด คนขุดสุสาน เป็นหนังสือที่ซื้อเพราะชื่อหน้าปกโดยแท้ เห็นคำว่า "สุสาน" แว๊บๆ ก็เดาว่าต้องเป็นเรื่องลี้ลับ โดยส่วนตัวแล้วชอบนวนิยายประเภทนี้มาก พอลองได้อ่านก็รู้สึกสนุก อ่านแล้วก็มันหยดติ๋งตั้งแต่เล่ม 1-4 โดยเฉพาะเล่มแรก สนุกมาก ลุ้นไปด้วยตลอด พอมาถึงเล่ม 2 เริ่มเนือยๆ ลงมาหน่อย และกลับมาตื่นเต้นสุดๆ อีกครั้งในเล่มที่ 3 ส่วนเล่ม  4 ตอนจบเป็นบทสรุปของตัวละครหูป๊าอิ 

ส่วนตัวแล้วคิดว่าหนังสือ คนขุดสุสาน เป็นหนังสือที่อ่านสนุกกว่า นวนิยายใกล้ๆ กัน อย่าง รหัสลับหลังคาโลก  อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัว คงแล้วแต่คนชอบ แต่ที่ชอบหนังสือ คนขุดสุสาน มากกว่า เพราะเดินเรื่องได้เร็วและกระชับฉับไวกว่า คนที่เป็นแฟนนวนิยายจีนไม่ควรพลาด


ชื่อหนังสือ : คนขุดสุสาน
ชื่อผู้แต่ง : เทียนเซี่ยปาชั่ง
ชื่อผู้แปล : ชิวเยี่ย
สำนักพิมพ์ : สยามอินเตอร์บุ๊คส์
ครั้งที่พิมพ์ล่าสุด : พิมพ์ครั้งที่  1


วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ร่วมตามหาความสุข กับ เอ็กเตอร์กับการตามหาความสุขที่หายไป


Story:R.ANCHALEE

"คุณมีความสุขหรือเปล่า?" ทุกคนคงจะตอบคำถามนี้ได้ไม่ยาก แต่หากถามว่า "คุณเข้าใจความสุขดีแค่ไหน?" และ "อะไรที่ทำให้คุณมีความสุข?"  คุณอาจนิ่งงันไปสักพักเพื่อหาคำตอบ ทุกคนเหมือนกันหมด บางครั้งเราก็ไม่แน่ใจหรอกว่า "ความสุขคืออะไร?" แต่เรารู้และมั่นใจว่ามันอยู่รอบๆ ตัวเรานี่แหละ ทั้งนี้ก็เพราะ "ความสุข" เป็นเรื่องของจิตใจ เป็นลักษณะนามธรรม ให้เปรียบก็เหมือนความเชื่อเรื่องผี แบบเดียวกันเป๊ะ คือเรารู้ว่าผีมีอยู่จริง แต่สัมผัสจับต้องไม่ได้ ขืนจับต้องได้คงสนุกกันล่ะท่าน

"แล้วเราจะค้นพบความสุขได้อย่างไร?" รวมถึง "เอ็กเตอร์เป็นใคร?" เอ็กเตอร์เป็นจิตแพทย์และเป็นตัวละครเอก ในหนังสือเอ็กเตอร์กับการตามหาความสุขที่หายไป ผลงานเขียนของ ฟร็องซัวร์ เลอลอรด์  จิตแพทย์ชื่อดัง ซึ่งในการรักษาเขาต้องพบเจอคนไข้ที่เป็นโรคซึมเศร้า มีความทุกข์ วิตกกังวลมากมายนับไม่ถ้วน เขาเริ่มเห็นความไม่แน่นอนของสรรพสิ่ง จึงตัดสินใจออกเดินทางไปค้นหาคำตอบของชีวิต และรหว่างที่เขาเดินทางไปฮ่องกงเขาก็ได้เขียนหนังสือเอ็กเตอร์กับการตามหาความสุขที่หายไป ขึ้น 

เอ็กเตอร์กับการตามหาความสุขที่หายไป เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องราวผ่านตัวละครที่ชื่อ เอ็กเตอร์ ซึ่งในเรื่องเอ็กเตอร์เป็นจิตแพทย์ที่ต้องพบเจอผู้ป่วยเป็นประจำทุกวัน คนเราเมื่อพบเจออะไรมากเข้าๆ ย่อมเิกิดหวั่นไหว เกิดคำถามในใจขึ้นเป็นธรรมดา แม้ว่าตนเองจะเป็นจิตแพทย์ก็ตามที เขาเริ่มไม่แน่ใจในชีวิต ทั้งเรื่องอาชีพการงาน และีชีวิตส่วนตัว ว่าแล้วเขาจึงเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ออกเดินทางไปรอบโลก โดยหวังว่าจะค้นหาคำตอบให้ได้ว่าอะไรทำให้คนเป็นสุข หรือทุกข์ และหากมีเคล็ดลับที่ทำให้มีความสุข เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเคล็ดลับนั้นคืออะไร

เอ็กเตอร์กับการตามหาความสุขที่หายไป ผู้เขียนถ่ีายทอดออกมาได้อย่างน่ารักน่าชัง แฝงไว้ด้วยถ้อยคำเสียดสีเบาๆ ให้ได้อมยิ้มเกือบทั้งเล่ม  นับเป็นหนังสือจิตวิยาที่อ่านสนุกอีกเล่มหนึ่ง...






ชื่อผู้แต่ง    : ฟรองซัวร์ เลอลอร์ด
ชื่อผู้แปล   : สุทิษา โรจนอนันต์
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์อมรินทร์ How to
พิมพ์ล่าสุด : พิมพ์ครั้งที่ 1 มี.ค.2555