วีรกรรมการได้มาของอเมริกันวีซ่าสุดอัศจรรย์
ต้องเล่าย้อนไปถึงเมื่อสี่ปีที่แล้ว ที่มาของการได้วีซ่าอเมริกาก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา งานนี้ถ้าไม่เรียกว่า "ข้ามากับพระเจ้า" ก็ไม่รูู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
.........สี่ปีทีแล้ว..........
ไอ้เอ : "เฮ้ยขอวีซ่าอเมริกาไม่ใช่เรื่องง่าย" ต้องซื้อใบสมัครลงทะเบียนที่ไปรษณีย์ 4500 บาท แล้วมึงก็เอามากรอกทางอินเตอร์เน็ต แต่มึงต้องกรอกให้ทันเวลานะเว้ย ไม่งั้นมึงเริ่มใหม่หมด แล้วเอกสารต้องเตรียมให้พร้อม มึงต้องหาข้อมูลการสัมภาษณ์ไว้ด้วย จะได้ซ้อมไว้ก่อน แล้วมึง มึงต้องไปให้ถึงตีห้าต่อแถว รูปนี่ต้องให้เห็นหูนะมึง ไม่งั้นมึงต้องไปถ่ายใหม่ ต้องห้ามโน่น นี่ นั่น บลาๆๆๆ"
ข้าพเจ้า : ห่ะ! ยุ่งยากสัด (คิดถอดใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มละ)
ไอ้เอ : "ก็กูบอกแล้วว่ามันไม่ง่าย แต่ถ้ามึงขอได้นะ ต่อไปมึงจะไปประเทศไหนก็ได้ในโลก ขอวีซ่าอเมริกาแม่งยากสัด"
ข้าพเจ้า : ไม่รู้ลองดูละกัน วางใจในพระเจ้าว่ะ
ไอ้เอ : "เออ แล้วสเตรทเม้นท์นี่ก็สำคัญ ต้องเดินสวยๆ บางคนมีเป็นล้านยังไม่ผ่านเล๊ย สัด!"
ข้าพเจ้า : (กำลังนึกถึงบัญชีธนาคาร ยอดกูคงเหลือ 0.88 สตางค์ถ้วน แต่ไม่กล้าบอกมัน เดี๋ยวแม่งไซโคกูอีก แค่นี้ก็ถอดใจไป 85% แล้ว ไอ้สัด!) มึงจะพููดเพื่อ???!!! พูดจนกูกลัวไม่อยากไปสมัครแล้วเนี่ย สัด
(ขออภัยที่สัดเยอะไปหน่อย ข้าพเจ้าติดสัดก็เพราะมันนี่แหละ)
ไอ้เอ : หึ กูไม่ได้พูดให้มึงกลัว กูแค่เตือนมึงว่า มันไม่ง่าย
คือไม่แน่ใจอ่ะว่ามันคิดอะไร ประสงค์ดีหรือร้าย แต่เท่าที่ฟังมันพูดมา โลกนี้ช่างโหดร้าย สัด!
กลับมาที่ห้องนอนเอามือก่ายหน้าผาก นอนคิด มีเครื่องหมายคำพูดของไอ้เอวิ้งเต็มฝ้าเพดาน
ข้าจะไปสมัครดีไหมวะเนี่ย ตั้งสี่พันห้า ไม่ได้เสียดายตังค์ชิบ แต่ก็ตัดสินใจไปซื้อใบสมัครลงทะเบียนจนได้ ป๊าก็ห้ามว่าอย่าเลย เราไม่มีอะไรเลยนะ เสียดายตังค์เปล่าๆ ลูก แต่ตอนนั้นคือเสียตังค์ไปละ ถอยไม่ได้ กรอกฟอร์มทางเน็ตไปเรียบร้อยแล้ว เป็นภาษาอังกฤษที่แม่งแปลไม่ออกเลย (คือมันไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่แปลไม่ได้เอง) ตอนนั้นบอกตรงๆ ใจฝ่อเหี่ยวเหมือนเม็ดลูกเกด แต่แล้วก็ถึงวันกำหนดไปสัมภาษณ์
ตื่นตีสามครึ่ง นั่งกระดิกเท้า แต๊กๆๆๆ ไปดีไหมวะ ไปดีไหม เอาวะ เลยอธิษฐานกับพระเจ้าว่า พระเจ้าลูกไม่มีอะไรเลยนะ ลูกมีแต่พระองค์นี่ล่ะไปด้วยกันกับลูกนะ ขอให้ลูกผ่านด้วยเถอะ งานนี้ความหวังไม่มี อาศัยความเชื่อล้วนๆ
พอไปถึงคนต่อแถวยาวมาก กว่าจะฝ่าด่านเข้าสถานทูตสหรัฐอเมริกามันได้นี่ เหมือนคนเกาหลีเหนือลักลอบมุดรั้วไปเกาหลีใต้ คือหลายด่านมาก แล้วเช็คแล้วเช็คอีก
มียัยป้าหน้าตาเหมือนมาม่า บลูส์ อยู่คนหนึ่งคอยตรวจเช็คข้าวของ คนอื่นเข้าให้ถุงซิปล็อกอย่างดีใส่สิ่งของมีค่า แต่กับข้าพเจ้ามันให้ตะกร้ามาใบนึง ป้าคงเห็นมีแค่โทรศัพท์เน่าๆ เครื่องๆ นึง กับเศษเหรียญ
และแฟ้มเอกสาร คือถ้าไม่เป็นกฎ ป้าคงให้ข้าพเจ้าเอาเศษขยะติดตัวเข้าไปด้วยเปลืองตะกร้ามัน
อย่างสัตย์จริงตอนนั้นนึกถึงภาพห้องอาหารในฮอว์กกวอต มีไฟส้มๆ ทึมๆ ติดอยู่ทุกมุมเสา แล้วก็มีเก้าอี้วางตัวนึง ข้าพเจ้านั่งตัวสั่นเทา แล้วก็มีเจ้าหน้าที่หน้าตาถมึงทึงนั่งอยู่บนบัลลังค์ผู้พิพากษา
.....อืม ห้องสัมภาษณ์คงประมาณนี้ล่ะมั๊ง............(คือมึงมโนไปไกลมากอ่ะ)
เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารทำเหมือนไม่เห็นข้าพเจ้า มันไม่ถงไม่ถามอะไรสักคำ นอกจากพิสูจน์รูปว่าเห็นหูชัดเจน คือแปลกใจเหมือนทุกคนน่ะ หูมันสำคัญขนาดไหนวะ มึงต้องตรวจกันจริงจังขนาดนี้
และแล้วก็ไปต่อแถวเพื่อรอสัมภาษณ์ ไอ้มโนต่างๆ ภาพห้องอาหารในฮอว์กกวอต มีไฟส้มๆ ทึมๆ ติดอยู่ทุกมุมเสา แล้วก็มีเก้าอี้วางตัวนึงข้าพเจ้านั่งตัวสั่นเทา แล้วก็มีเจ้าหน้าที่หน้าตาถมึงทึงนั่งอยู่บนบัลลังค์ผู้พิพากษา ไม่มีซักอย่าง! มันก็ออฟฟิศธรรมดา แบ่งเป็นคอกๆ นี่แหละ อารมณ์เหมือนมาฝากเงินธนาคาร
ฝรั่งหนุ่มหน้าตาดี รายหนึ่งยิ้มให้ "สวัสดีครับ"
เฮ้ยพูดไทยโคตรชัดเลยว่ะ แต่หลังจากนั้นนางพ่นไฟถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษรัวมาเป็นชุด
ข้าพเจ้ายิ้มหน้าโง่ๆ ท่าเด็ดไม้ตาย เวลาใครมาพูดอังกฤษด้วย
เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา : %^*(&*)(+&#@^&)_(((^$#@@@ ?
(อึดอัด อักอึก เหมือนคนกำลังจะจมน้ำตาย กลัวมาก แม่งพูดไรกูแปลไม่ออก เอาวะ คำนี้แหละ)
ข้าพเจ้า : ...............เย๋สสสส์ส ยิ้มพิมพ์ใจ
เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา : (ทำหน้าผงะ คิ้วขมวด สีหน้าเคร่งเครียด แล้วถามต่อ) %^*(&*)(+&#@^&)_(((^$#@@@ ?
ข้าพเจ้า : (มันถามอีกแล้วเว้ย คือมันไม่เข้าใจไงว่าข้าแปลไม่ออก!)
........หืม? (ตามด้วยวลีอมตะ) Sorry, I am not good at English แล้วก็
ยิ้มมมมมมมมมมมมพิมพ์ใจ พยักหน้า เย๋สสสสสส เย๋สสสสสสส
เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา : (สีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม แล้วถามต่อ) %^*(&*)(+&#@^&)_(((^$#@@@ ?
ข้าพเจ้า : ..............ฮะ ฮะ (แม่งไม่รู้ถามไรกูหัวเราะไว้ก่อน) หืมมมมม? ส้อหรี อะเกน พลี๋ส
หืมมมมม อ๊าๆ เย๋สสสสสส เย๋สสสสสส
คราวนี้เจ้าหน้าที่ระเบิดหัวเราะคิกๆๆๆๆ ไม่หยุด แล้วก็พูดว่า
"เอิ่ม ผมว่าคุณต้องเข้าใจอะไรผิดสักอย่าง" ภาษาไทยชัดเปรี๊ยะ อ้าวไอ้สัด! แล้วทำไมไม่ถามเป็นภาษาไทยแต่แรกวะ นางยังหัวเราะคิกๆๆๆ พูดกับข้าเป็นภาษาไทย
"ในฟอร์มนี้ถามว่า คุณเป็นโสเภณีใช่หรือไม่?
คุณตอบ yes
"ข้อนี้ถามว่า คุณเคยพาเด็กไปค้าประเวณีที่สหรัฐอเมริกาหรือไม่?"
คุณตอบ yes
"ส่วนข้อนี้ถามว่า คุณเป็นอาชญากรข้ามชาติใช่หรือไม่?"
คุณตอบ yes
ข้าพเจ้าหน้าซีด หมดแล้วกูสี่พันห้า
"โน๋วๆๆๆ ไอ แอม อะ กูู๊ด กาย หนาา(หนาคือคำสร้อย)"
ฝรั่งมองหน้า แล้วคงคิดในใจว่า ไอ้อ้วนนี่แม่งโง่ขนาดนี้คงไม่มีปัญญาไปวางระเบิดบ้านมันแน่
แล้วมันโง่ภาษาอังกฤษขนาดนี้ถ้ามันโดดร่ม คงตายที่ไหนสักที่ในอเมริกาเองแหละ
"OK. You Passed!"
อึ้งไปสามวิ "หืมมมมมม ยังไงนะ ฉัน ฉัน คุณไปขอดูกล้องวงจรณ์ปิดที่สถานทูตดูได้เทปเมื่อประมาณสี่ปีที่แล้ว จะเห็นไอ้อ้วนหน้าโง่ ทำหน้าเหวอ เหวอ เหวอ วิญญาณได้ออกจากร่างเป็นที่เรียบร้อย เดินออกจากสถานทูตเหมือนยืนอยู่บนดอลลี่ เดินเบาๆ มึนๆ "โอเค ไอ กี๊ฟ ยูว ฟอร์ เท็น เยียส์ เวลคัม ทู ยูไนเต็ดเสตร็ท"
พระเจ้า! พระเจ้า! พระเจ้า! พระเจ้า! ลูกผ่านแล้ว พระเจ้ายิ่งใหญ่จริงๆ (น้ำตาซึม)
เดินไปนั่งสตาร์บัค กินอะไรร้อนๆ เรียกสติคืน มีไฮโซสองนางนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ทำหน้าหงุดหงิด
บ่นกระปอดกระแปด "เออชั้นเซ็งมากอ่ะแก นี่รอบที่สามแล้วนะแก มันไม่ให้ผ่าน อะไรเนี่ย ฉันไม่เข้าใจ สเตรทเม้นท์ก็เอาไปใส่สวยๆ แล้วนะ"
ข้าพเจ้าซึ่งนั่งโต๊ะข้างๆ เอามือป้องปาก แอบหัวเราะคิกๆๆๆ "กูมีแค่ 0.88สตางค์ว่ะ ฮี่ ฮี่"