วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ The Diary of a Young Girl : หากวันนี้เธอยังมีชีวิตอยู่

บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ The Diary of a Young Girl Story : R.ANCHALEE



แนวคิดเรื่อง "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว" หรือภาษาอังกฤษว่า Holocaust อันหมายถึง "การตายของคนกลุ่มใหญ่อย่างรุนแรง"   ของท่านผู้นำหนวดจิ๋ม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เรียกได้ว่าสุดโต่ง บ้าคลั่ง เข้าขั้นเสียสติ เขามีความเชื่อว่าบุคคลที่ไม่ใช่สายเลือดอารยันบริทุธิ์ไม่ควรมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไป และเพื่อสนับสนุนแนวคิดผู้เป็นนาย

ไฮน์ริช ฮิมเลอร์ เป็นผู้บัญชาการหน่วยเอสเอส ผู้บัญชาการทหาร และสมาชิกระดับสูงของพรรคนาซี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบโดยตรงที่สุดสำหรับกาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จึงหาสารพัดวิธีมาทำลายมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่นให้สิ้นซาก โดยใช่วิธีทัณฑ์ทรมานต่างๆ นานา ทั้งการจับเอามาทำเป็นหนูทดลอง การปล่อยให้อดตาย การรมแก๊สพิษ และอื่นๆ อีกสารพัดวิธี ผลก็คือทำให้มีชาวยิวและกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ถูกสังหารเป็นจำนวนกว่า 5 ล้านคน ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

แอนน์ แฟรงค์ คือเด็กหญิงชาวยิวผู้หนึ่งที่ต้องจบชีวิตลงในครั้งนั้น แม้ว่าเธอจะไม่ได้ถูกยิง หรือถูกส่งเข้าห้องรมแก๊สพิษก็ตามที แต่ความทรมานที่เธอได้รับก็คงไม่ต่างชาวยิวผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นๆ เธอเสียชีวิตด้วยโรคไข้รากสาด ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายของค่ายกักกัน

สิ่งเดียวที่เธอได้ทิ้งไว้และแสดงให้เห็นถึงความสามารถในด้านการเขียนของเธอก็คือสมุดบันทึกประจำวันเล่มหนึ่งที่เธอได้รับเป็นของขวัญวันเกิดในปีที่ 13 ซึ่งต่อมาสมุดบันทึกเล่มนี้ได้กลายเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่มีผู้อ่านมากที่สุดในโลกในชื่อ "บันทึกลับของแอนนน์ แฟรงค์" The Diary of a young girl


สมุดบันทึกของแอนน์ แฟรงค์
สมุดบันทึกของแอนน์ แฟรงค์

แอนน์ แฟรงค์ หรือ อันเน่อ ฟรังค์ หรือชื่อเต็มว่า อันเน่อลีเซอ ฟรังค์ (Anneliese Fank)เกิดที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีในปีค.ศ.1929 พ่อของเธอ อ๊อตโต แฟรงค์ เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย ส่วนแม่ของเธอ อิดิธ แฟรงค์ ก็มาจากตระกูลที่ร่ำรวยเช่นกัน เธอจึงมีความเป็นอยู่อย่างคุณหนูทีเดียว แอนน์มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ มาก็อธ แฟรงค์ ซึ่มีบุคลิกนิสัยใจคอต่างกับเธอโดยสิ้นเชิง โดยมาก็อธเป็นคนติ๋มๆ ใฝ่เรียนรู้ ส่วน แอนน์ แฟรงค์ มีอุปนิสัยร่าเริง  เปิดเผย จริงใจ

ในปีค.ศ.1933 เมื่อพรรคนาซีได้รับชับชนะในการเลือกตั้งและฮิตเลอร์ขึ้นมามีอำนาจอย่างเต็มตัว อ๊อตโต แฟรงค์ พ่อของแอนน์คาดการณ์ว่าอนาคตเยอรมนีจะต้องนองเลือด จึงเตรียมอพยพออกจากเยอรมนีไปตั้งรกรากที่เนเธอร์แลนด์ โดยให้ภรรยาและมาก็อธไปพักกับมารดาของเธอที่เมืองอาเค่น ส่วนเขาก็หนีบแอนน์ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 3 ขวบไปเนเธอร์แลนด์ จนได้ที่อยู่เป็นหลักแหล่งจึงรับครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน

ต่อมาเมื่อกองทัพนาซีเข้ายึดครองเนเธอร์แลนด์ และได้ออกกฎควบคุมชาวยิวอย่างเข้มขวด อาทิ  ต้องติดรูปดาวไว้บนอกเสื้อ เพื่อให้รู้ว่าเป็นคนยิวนะ ห้ามชาวยิวเข้าร้านรวงต่างๆ ที่ทางการไม่อนุญาต (ห้ามมันเกือบทุกร้าน) ห้ามชาวยิวเข้าโรงภาพยนตร์ และอาหารที่ได้รับแบ่งสรรปันส่วนอย่างจำกัด เรียกได้ว่ากระดิกกระเดี้ยแทบไม่ได้

แล้วสถานการณ์ก็มาตึงเครียดสุดๆ เมื่อ มาก็อธ แฟรงค์พี่สาวของแอนน์ ถูก "หมายเรียกตัว" หมายเรียกในที่นี้ไม่เหมือน หมายเรียกเกณฑ์ทหาร นะท่าน คือเรียกแล้วไปลับ ไม่ได้กลับจากค่าย ทีนี้จะอยู่ทำไมล่ะครับทั่น เผ่นสิ ดังนั้นแอนน์และครอบครัวของเธอกับผู้อื่นอีก 4 คน จึงต้องหลบไปซ๋อนตัว ในที่ซ่อนลับบนห้องหลังคา สำนักงานของนายอ็อตโต แฟรงค์ผู้พ่อ
อาคารสำนักงานที่ซ่อนลับ

อาคารสำนักงานที่ซ่อนลับ

ห้องลับบนหลังคานี้ไม่ธรรมดา ปกปิดร่องรอยได้มิดชิดนัก ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังประตูบานเก่าที่ชั้นสามจะเป็นประตูไปสู่ "ที่ซ่อนลับ" ภายในยังแบ่งเป็นห้องหับต่างๆ อย่างสลับซับซ้อน ทั้งห้องนอน ห้องทำงาน นั่งนั่งเล่น ห้องครัวเล็กที่ดัดแปลงจากห้องทดลอง ห้องน้ำ และห้องส้วม เรียกว่าครบ ไม่สุขสบายแต่ก็ไม่ลำบาก

หากทว่าให้อยู่เล่นๆ สักอาทิตย์ สองอาทิตย์ ก็พอว่า แต่แอนน์และคนอื่นๆ ต้องหลบอยู่ในที่ซ่อนลับถึง 2 ปี ! คิดดูเเถอะท่านว่า 2 ปีที่ไม่ได้ออกไปสู่โลกภายนอก แม้แต่ก้าวเดียวจะเป็นเช่นไร ติดคุกยังดีเสียกว่า เพราะติดคุกยังมีอิสระเสรีในบางคราวเท่าที่ผู้คุมจะอนุญาต แต่นี่ต้องเก็บตัวอยู่ในแต่ที่ซ่อนลับตลอดเวลา สภาพจิตคงย่ำแย่ถึงขีดสุด แต่เธอก็พยายามมองว่ายังโชคดีที่ไม่ต้องถูกจับไปค่ายกักกัน ซึ่งนั่นหมายถึงความตาย
ห้องนอนของ แอนน์ แฟรงค์ ในที่ซ่อนลับ
ห้องนอนของ แอนน์ แฟรงค์ ในที่ซ่อนลับ

ความประทับใจที่มีต่อหนังสือ "บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์" คือความผูกพันที่มีต่อชีวิตของเธอ มันเป็นความผูกพันที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การที่เธอเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในที่ซ่อนลับ รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น ทำให้เรารู้สึกประหนึ่งเป็นผู้มีส่วนร่วมด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งคอยลุ้น คอยเอาใจช่วย และคอยรับฟังเธอบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เมื่อบันทึกเดินทางมาใกล้สิ้นสุด เราก็รู้สึกใจหายวาบ เพราะรู้ว่าอีกไม่นานแอนน์จะตาย

แอนน์ แฟรงค์ เริ่มเขียนบันทึกครั้งแรกลงวันที่ 12 มิถุนายน 1942 และเขียนบันทึกครั้งสุดท้ายลงวันที่ 1 สิงหาคม 1944 อีก 3 วันถัดมา คือในวันที่ 4 สิงหาคม 1944 แอนน์แฟรงค์และคณะรวม 8 คน ถูกหักหลังและถูกตำรวจลับเข้าจับกุม เธอถูกส่งไปยังค่ายเวสเตอร์บอร์ก วันที่ 3 กันยายน 1944 พวกเขาถูกย้ายไปค่ายเอาชวิตซ์ในโปแลนด์ ที่สุดแอนน์ แฟรงค์ เสียชีวิตด้วยโรคไข้รากสาดใหญ่ในค่ายกักกันแบร์เกิน-เบลเซิ่น

อ็อทโต แฟรงค์ เป็นคนเดียวในบรรดาพวกที่ซ่อนลับที่รอดชีวิตหลังจากสิ้นสุด ผู้ให้ความช่วยเหลือเมื่อครั้งอยู่ในที่ซ่อนลับ เก็บสมุดบันทึกของแอนน์ได้จากพื้นห้องในที่เกลื่อนกลาดกระจุยกระจาย และส่งมอบให้อ๊อตโต แฟรงค์ พ่อของแอนน์ เขาตัดสินใจนำสมุดบันทึกดังกล่าวออกตีพิมพ์ เพื่อให้สมกับปณิธานของแอนน์ที่ต้องการเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง ถ้าแม้นว่าเธอยังอยู่....วันนี้ เธอคงได้ชื่นชมกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเธอสมดั่งใจ
หลุมศพของ แอนน์ แฟรงค์ และ มาก็อธ แฟรงค์

หลุมศพของ แอนน์ แฟรงค์ และ มาก็อธ แฟรงค์

Note : เกร็ดเกี่ยวกับค่ายกักกันของนาซี หรือเกร็ดเกี่ยวกับสงคราม ยังมีที่น่าสนใจอีกมาก รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่แอนน์ แฟรงค์ เสียชีวิตแล้ว ก็มีคนพูดถึงอีกจำนวนไม่น้อย ท่านที่สนใจสามารถ Search หาอ่านเพิ่มเติมได้

บันทึกลับ ของ แอนน์ แฟรงค์ The Diary of a Yonng Girl

ชื่อหนังสือ : บันทึกลับ ของ แอนน์ แฟรงค์ The Diary of a Young Girl
ชื่อผู้แต่ง   : Anne Frank
ชื่อผู้แปล   : สังวรณ์ ไกรฤกษ์
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ
พิมพ์ล่าสุด : พิมพ์ครั้งที่ 3 แก้ไขและเพิ่มเติม สิงหาคม 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น